ก่อนอื่นต้องขอ "ขอบคุณ" ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน Sailorty Blog ^^* ขอสารภาพตามตรงว่า ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเข้ามาอ่าน ฮ่าๆๆ งั้นวันนี้เราก็มาเริ่มเนื้อหาเกี่ยวกับการเงินเบื้องต้นกันเลยนะค่ะ
โรคทรัพย์จาง อันตรายกว่าที่คุณคิด
ใช่คุณรึเปล่า ที่ได้แต่ใช้ชีวิตเพลินๆ ไปวันๆ ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขภาพการเงินเท่าที่ควร?? เนื่องจากรู้สึกว่า สภาพคล่องยังไม่ถึงกับติดขัด ยังมีเงินผ่อนมือถือ ผ่อนสินค้าต่างๆเป็นปกติ มีกินมีใช้แบบเดือนชนเดือน แต่ในบางครั้งอาจเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง!!
Sailorty ขอบอกว่านี่เป็นสัญญาณอันตราย ที่กำลังฟ้องว่า "สุขภาพทางการเงินของคุณกำลังย่ำแย่"
ยิ่งถ้าคุณยังอยู่ในวัยนักเรียน-นักศึกษาแล้วล่ะก็ สมควรฟังทางนี้อย่างยิ่ง จะได้รับมือได้อย่างทันท่วงที
มาเริ่มต้นด้วยการตรวจเช็คอาการทางการเงินของคุณและรักษาอาการไปพร้อมๆกันนะค่ะทุกคน ^^*
1.อาการปลอดเงินออม
ลักษณะอาการ: ไม่เคยมีเงินเหลือเก็บในบัญชี หรือแม้กระทั้งกระปุกออมสิน
สาเหตุเบื้องต้น: คุณประเภทมีเท่าไหร่ใช้เกลี้ยง ทุกสิ้นเดือนจบลงด้วยความว่างเปล่า ไม่มีเงินเหลือ
พอที่จะเก็บเอาไว้ให้อุ่นใจ ซึ่งโดยทั่วไปคุณอาจจะมองว่า การไม่มีเงินเก็บไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
มีกินมีใช้ให้ครบเดือนก็บุญโขแล้ว ถ้ามีเอาไว้จับจ่ายใช้สอยไม่ครบเดือนสิ นั่นแหละถึงน่าเป็นห่วง!!
Sailorty ขอบอกให้คุณรู้ไว้เถอะว่า การเป็นผู้ปลอดเงินออมคือ อาการเบื้องต้นของผู้ที่มีสุภาพ
ทางการเงินอันย่ำแย่ และอาจจะนำไปสู่โรคร้ายทางการเงินในที่สุด หุหุ แล้วจะหากว่าไม่เตือนไม่ได้นะค่ะ
วีธีการรักษา: เพียงวันนี้คุณลองเปลี่ยนความคิด มองมุมการใช้เงินใหม่ ตามคำแนะนำต่อไปนี้
จะมีผลทำให้สุขภาพทางการเงินของคุณแข็งแรง อนาคตสดใส ไม่เชื่อก็ลองทำตามดูนะค่ะ
เพียงแค่คุณเลือกออมก่อนนำเงินไปใช้ โดยการหักเงินที่ได้รับหรือเงินเดือนทันทีจำนวน 10% ไปใส่
ในบัญชี ขอย่ำว่าทันที!! เนื่องจากหากคุณหักที่หลัง จากทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนคือ อาการเสียดายเงิน
ดังนั้น คุณควรออมทันที!! ก่อนที่คุณจะนำเงินไปจับจ่ายใช้สอย
2. อาการตามใจอยาก
ลักษณะอาการ: ไม่สามารถแยกระหว่าง "ความจำเป็น" กับ "ความอยาก"
สาเหตุเบื้องต้น: คุณเป็นประเภทซื้อแหลก ยิ่งลด แลก แจก แถม ตามเทรนด์ตามกระแส คุณซื้อหมด!!
แค่คิดก็ปวดหัวแล้วค่ะ ยิ่งบ้างคนอาการหนักเข้าไปอีก คิดว่า
ประเภทแรกคือ อาหาร และเครื่องดื่ม
คุณใช่รึเปล่าที่เลือกทานอาหารฟาสต์ฟู๊ดในช่วงวันหยุด หรืออาหารหรู ทานไม่กี่คำก็หมดจาน
แล้วคุณเสียค่าอาหารและเครื่องดืมเหล่านี้ไปจำนวนเท่าไรต่อเดือน? คุณลองจดบันทึกการใช่จ่ายดูสิ
คุณจะพบว่า มันเป็นจำนวนที่สูงมากกกก แล้วถ้าคุณลดจำนวนครั้งที่ไปทานต่อเดือนละ? อาจจะแค่
ลดลงจากปกติทานเดือนละ 4 - 12 ครั้ง เป็น ทานเดือนละ 3 - 6 ครั้ง คราวนี้คุณจะเห็นได้ชัดว่า
การลดจำนวนการทานอาหารเหล่านี้ จะทำให้คุณมีเงินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ถ้ายังไม่เชื่อจงดูตัวอย่างต่อไปนี้
- ทาน KFC & MC & shabushi เฉลี่ยเดือนละ 8 ครั้ง เป็น 300 x 8 = 2,400 บาทต่อเดือน
ถ้าคุณลดจำนวนครั้งที่ทานเป็น เดือนละ 4 ครั้ง คุณจะมีเงินเพิ่มขึ้น 1,200 บาทต่อเดือน
- ดืมกาแฟลาเต้ 1 แก้ว พร้อมกับขนมเค้ก ทุกวัน เฉลี่ยเป็นเงินเท่ากับ 120 x 30 = 3600 บาทต่อเดือน
ถ้าคุณเปลี่ยนเป็นชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน พร้อมกับขนมปังทั่วไป จะเฉลี่ยเป็นเงิน 30 x 30 = 900 บาท
ต่อเดือน ทำให้คุณมีเงินเพิ่มขึ้นอีก 2,700 บาทต่อเดือน
ประเภทที่สองคือ เครื่องแต่งกาย
สำรวจรอบๆตัวคุณดูสิว่า คุณมีกระเป๋ากี่ใบ นาฬิการกี่เรือน รองเท้ากี่คู่ เสื้อผ้ากี่ตู้? แล้วคุณใช้ทั้งหมดเลยรึไม่ ถ้าตอบว่าไม่ ขอแนะทฤษีของใช้ 100 ชิ้น ^^*
โดยคุณจะต้องมีของใช้เหล่านี้ทั้งหมดรวมกันไม่เกิน 100 ชิ้น อากจะเป็น นาฬิกา 2 เรือน กระเป๋า 3 ใบ
รองเท้า 4 คู่ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง สร้อย แหวน กำไร รวมกันไม่เกินนี้ แล้วคุณจะพบว่า คุณสามารถ
ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งยังใช้ของเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย
ประเภทสุดท้ายคือ ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้
จงรู้จักใช้เงินอย่างฉลาด สร้างโอกาสเพิ่มเงินออม การใช้จ่ายเพื่อสนองความต้องการโดยไม่ยั้งคิด
อาจก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินตามมา แต่ถ้ายึดกฎเหล็ก 5 ประการ คุณจะใช้เงินได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น
1. ตั้งงบก่อนใช้ การทำงบประมาณเปรียบเสมือนคุณ "คิดก่อนซื้อ"
2. เปรียบเทียบก่อนซื้อ ก่อนซื้อจงถือคติ "ของดี ราคาเหมาะสม"
3. สรุปการใช้สม่ำเสมอ ถึงจะเสียเวลา แต่คุ้มค่าสุดๆ เพราะจะเห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณ
4. ใช้น้อยกว่าหาได้ พึงระลึกไว้ว่าคุณควรใช้จ่ายให้น้อยกว่าเงินที่หาได้เสมอ
5. ไม่ใช่ก็ไม่ซื้อ อันนี้ตรงตัว ซื้อเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้
ถ้าคุณเริ่มมีอาการใดอาการหนึ่งเกิดขึ้นกับคุณ จงอย่านิ่งเฉย รีบลงมือเยียวยาอาการโรคทรัพย์จางซะ จะได้ไม่ต้องใช้คำว่า "โคม่า"
จากที่อธิบายวิธีรักษาอาการมาทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การลองปฎิบัติตาม อาจจะเป็นการยากสักหน่อย
ในการที่จะห้ามใจ ไม่ให้ตามแนวคิดแบบเดิมๆ แต่เมื่อคุณลงปฎิบัติตามแล้ว คุณจะพบว่า เงินในกระเป๋าของคุณเพิ่มขึ้น ไม่ใช่มีกินมีใช้แบบเดือนชนเดือนเหมือนที่ผ่านมา ^^*
**********************************************************************************
คราวหน้าเราจะมาอธิบาย "วิธีการทำเงินออมให้งอกเงย" กัน อย่าลืมติดตามนะค่ะ!!
อาจจะเขียนยาว เขียนผิดไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ ก็มือใหม่หัดเขียนหนิเนอะ :')
**********************************************************************************
อ้างอิง
กาญจนา หงษ์ทอง เรื่อง 10 สัญญาณอันตราย ฟ้องสภาพการเงินส่อเค้าย่ำแย่
แผ่นผับ 4 รู้ สู่ความมั่งคั่งของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (TSI)